วันที่ 13 มกราคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวย้ำว่า การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 2 ไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลกำหนดช่วงเวลาแจกเงินไว้นานแล้ว และเป็นไปตามกรอบงบประมาณ ไม่ได้มีเจตนาหรือเกี่ยวข้องกับการเอื้อประโยชน์ทางการเมือง
นายกรัฐมนตรี ยังตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นหนี้สิน 4,000 ล้านบาทที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการทำนิติกรรมอำพราง โดยยืนยันว่าเป็นหนี้ระหว่างเครือญาติ ไม่ได้กระทำผิดกฎหมาย และได้ชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อย่างละเอียดทุกขั้นตอน
เมื่อถูกถามว่า มีความกังวลหรือไม่ว่ากรณีดังกล่าวอาจกลายเป็น “คดีซุกหุ้นภาค 2” เหมือนกับกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “ไม่กังวล เพราะไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย” และย้ำว่าทุกอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังตอบกรณีที่นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีของเธอ ให้บริษัท วินน์ แคปปิตอล จำกัด กู้เงิน ทั้งที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท โดยยืนยันว่า ได้แจ้งรายละเอียดครบถ้วน และหาก ป.ป.ช. มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ก็พร้อมชี้แจง
เมื่อถูกถามถึงการเข้าพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เพื่อขอพรปีใหม่ ซึ่งถูกมองว่าเป็น “ภาพประวัติศาสตร์” เนื่องจากตระกูลชินวัตรเคยถูกมองว่าเป็นขั้วตรงข้ามกับบ้านสี่เสาเทเวศร์ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ทุกคนต้องมูฟออน เวลามันไม่หยุดอยู่กับที่” พร้อมเผยว่า ได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์จาก พล.อ.สุรยุทธ์ โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการน้ำ และมองว่าความร่วมมือเช่นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่าการจมอยู่กับความขัดแย้ง
ในช่วงท้ายของการแถลงข่าว น.ส.แพทองธารระบุว่า ได้เน้นย้ำให้คณะรัฐมนตรีทุกกระทรวงเร่งดำเนินมาตรการลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ตามที่สั่งการไปก่อนหน้านี้ โดยขอให้ทำอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน
สรุป: นายกฯ อิ๊งค์ ยืนยันว่า โครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น พร้อมชี้แจงกรณีหนี้สิน 4,000 ล้านบาทต่อ ป.ป.ช. อย่างละเอียด ไม่หวั่นปมซ้ำรอยคดีซุกหุ้น ขณะที่การเข้าพบประธานองคมนตรีได้รับคำแนะนำด้านบริหารจัดการน้ำ มองว่าทุกฝ่ายควรมูฟออนจากความขัดแย้งที่ผ่านมา
