กรุงเทพฯ – วันที่ 16 เมษายน 2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่พังถล่ม เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในคดีพิเศษ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตและสูญหายหลายราย พร้อมดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประเด็นการปลอมแปลงลายเซ็นวิศวกรควบคุมงาน และการประกอบธุรกิจแทนนอมินีของบริษัทต่างชาติ
ดีเอสไอระบุว่า การตรวจสอบครอบคลุม 4 สัญญาสำคัญ ได้แก่
- สัญญาการจ้างออกแบบ
- สัญญาควบคุมงาน
- สัญญาการเปลี่ยนแบบ
- สัญญาการก่อสร้าง
ซึ่งเฉพาะสัญญาการก่อสร้างนั้น เป็นกิจการร่วมค้าระหว่างบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีข้อสงสัยเรื่องการดำเนินการในลักษณะ “นอมินี”
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า คดีนี้แบ่งเป็น 2 ประเด็นหลักที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ได้แก่ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐโดยไม่สุจริต (ตามมาตรา 7 และ 8) ซึ่งยังไม่พบความเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่รัฐ หากพบในอนาคตจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบต่อไป
ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนยังเร่งพิสูจน์ข้อเท็จจริงจากพยานบุคคล พยานวัตถุ และพยานเอกสาร โดยเฉพาะประเด็น การปลอมลายเซ็นของวิศวกรนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ลายมือซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 1–2 สัปดาห์
ด้านการออกหมายจับ ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน หากพยานหลักฐานเพียงพอ ก็จะดำเนินการออกหมายจับทันที พร้อมยืนยันว่าแม้ผู้ต้องหาจะหลบหนี ก็จะติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้
นอกจากนี้ ดีเอสไอยังประสานงานกับหลายหน่วยงานทั้งกรมโยธาธิการฯ, สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย, สมอ. และผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ เพื่อวิเคราะห์พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนและโปร่งใสที่สุด
พ.ต.อ.ทวี ย้ำว่า “คดีนี้เป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวกับชีวิตและร่างกายของประชาชน ความสูญเสียเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลที่ควรจะมีความสุข แต่กลับกลายเป็นความทุกข์ของทั้งครอบครัวผู้สูญเสียและประเทศ รัฐบาลและกระบวนการยุติธรรมจะเร่งพิสูจน์ความจริงและดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างเป็นธรรม โดยไม่ละเว้นผู้กระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน”