ลูกชิ้นหมูเป็นอาหารยอดนิยมที่พบได้ทั่วไปตามรถเข็นหรือร้านค้าต่างๆ ในบ้านเรา ซึ่งมักจะทำจากเนื้อหมูบด แป้งมันสำปะหลัง กระเทียม และพริกไทย โดยจะนำไปต้มให้สุกแล้วแช่น้ำเย็นเก็บไว้ในตู้เย็นจนกว่าจะนำไปขายหรือประกอบอาหาร
เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาและป้องกันการเน่าเสีย ผู้ผลิตบางรายอาจเติม ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ลงในลูกชิ้นหมู ซึ่งเป็นสารที่ช่วยยับยั้งการเติบโตของจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเสีย และยังช่วยรักษาสีของอาหารให้คงที่ได้ จึงทำให้ลูกชิ้นหมูสามารถเก็บได้นานและส่งขายได้ในระยะยาว
แม้ว่า ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้ แต่หากรับประทานในปริมาณมากเกินไป อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เช่น การหายใจขัด แน่นหน้าอก ปวดท้อง อาเจียน อุจจาระร่วง หรืออาการแพ้ที่รุนแรงจนถึงขั้นช็อกหรือหมดสติ โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคหืดที่อาจมีอาการหลอดลมตีบ
ล่าสุด สถาบันอาหารได้ทำการเก็บตัวอย่างลูกชิ้นหมูจากร้านค้าในตลาดสดในกรุงเทพฯ, ปทุมธานี และนนทบุรี จำนวน 5 ตัวอย่าง เพื่อทดสอบหาปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ผลการทดสอบพบว่ามีลูกชิ้นหมูเพียง 1 ตัวอย่างที่พบสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ แต่ปริมาณที่พบต่ำมาก คือน้อยกว่า 1.5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งถือว่าไม่เป็นอันตรายมากนัก
แม้ว่าในตัวอย่างที่ทดสอบพบว่ามีปริมาณสารต่ำ การแนะนำสำหรับผู้บริโภคคือ ควร ล้างลูกชิ้นหมูให้สะอาดด้วยน้ำไหลหลายๆ ครั้ง หรือ ลวกในน้ำเดือดประมาณ 2 นาที ทุกครั้งก่อนนำไปประกอบอาหาร เพื่อลดปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่อาจจะหลงเหลืออยู่ในลูกชิ้น
การปฏิบัติตามวิธีนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถทานลูกชิ้นหมูได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น.