เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ “EXIT SCAM” ทลายขบวนการหลอกลงทุนเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า คดีนี้เกิดขึ้นหลังมีผู้เสียหายแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ว่า ถูกหลอกให้โอนเงินลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลผ่านเว็บไซต์ “neccorpo.site” โดยมิจฉาชีพใช้ภาพโปรไฟล์หน้าตาดี ทักมาผ่านช่องทางออนไลน์และชักชวนให้ร่วมลงทุน อ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง ซึ่งช่วงแรกผู้เสียหายได้รับผลกำไรจริง แต่เมื่อลงทุนเพิ่ม กลับไม่สามารถถอนเงินออกได้ ทำให้สูญเงินกว่า 2 ล้านบาท
จากการสืบสวนพบว่า มีผู้เกี่ยวข้องในขบวนการนี้ 2 ราย ได้แก่ Mr.Lin Chao อายุ 34 ปี สัญชาติจีน และ น.ส.นริศรา จังหวัดเขต อายุ 21 ปี ชาวกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นแฟนสาว โดยทั้งสองมีความเชื่อมโยงกับคดีหลอกลวงลักษณะเดียวกันอีก 28 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
ต่อมา เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น 5 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ และสมุทรสาคร สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ที่คอนโดหรูย่านยานนาวา พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง เช่น ตุ๊กตา Bearbrick 30 ตัว, โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง, รถยนต์ BMW X-1, รถยนต์ Toyota Alphard, สัญญาปล่อยเช่าคอนโด, โฉนดคอนโด, หนังสือพาสปอร์ต 6 เล่ม, ตู้เซฟนิรภัย และสินค้าแบรนด์เนมหรูหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
การตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองมีบทบาทเป็นผู้บริหารจัดการเงินและฟอกเงินให้แก๊งสแกมเมอร์ โดยมีข้อมูลการโอนเงินกว่า 5,000 รายการ ภายในเวลาไม่ถึงปี คาดว่าขบวนการนี้มีเงินหมุนเวียนระดับหมื่นล้านบาทต่อปี และมีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และกลุ่มทุนจีนสีเทา ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผล
พล.ต.ท.ไตรรงค์ เตือนประชาชนให้ระมัดระวัง อย่าหลงเชื่อเว็บไซต์ลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง หรือมีชื่อเว็บแปลก ๆ ควรลงทุนผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. เท่านั้น และ ระวังบุคคลแปลกหน้าที่ติดต่อมาในลักษณะตีสนิทผ่านออนไลน์
ทั้งนี้ ผบช.ไซเบอร์ ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า หลังจากมีการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สถิติการแจ้งความคดีอาชญากรรมไซเบอร์ตั้งแต่ ธันวาคม 2567 – มกราคม 2568 ลดลงอย่างมาก แต่ยังพบว่ามีการหลอกขายสินค้าออนไลน์มากขึ้น ซึ่งตำรวจจะเดินหน้าปราบปรามต่อไป
