ผู้บัญชาการทหารกะเหรี่ยง DKBA ประกาศเดินหน้ากวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดสิ้น พร้อมช่วยเหลือเหยื่ออย่างต่อเนื่อง แต่ยืนยันว่าจะยังคงธุรกิจบ่อนกาสิโนและโรงแรมที่ไม่ก่อปัญหา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวกะเหรี่ยง
หลังจากที่รัฐบาลไทย ดำเนินมาตรการตัดกระแสไฟฟ้า สัญญาณอินเทอร์เน็ต และระงับการส่งเชื้อเพลิง ไปยังพื้นที่ เมืองเมียวดีและเมืองพญาตองซู ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อกดดันให้ทางการเมียนมาจัดการกับ กลุ่มจีนเทาที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ล่อลวงเหยื่อจากทั่วโลก สถานการณ์ในพื้นที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวสำคัญ
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA) นำโดย พันเอกพิเศษไซจ่อ ละ และ พันเอกซอเอ วัน ได้ออกคำสั่งให้ ขับไล่กลุ่มจีนเทาออกจากพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ตั้งแต่ อ.แม่สอด, อ.พบพระ จ.ตาก ไปจนถึง เจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของ DKBA
ที่ กองบัญชาการทหาร DKBA ฝั่งตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก พันเอก ซาน เอ่า ผู้บัญชาการทหาร DKBA ระบุว่า DKBA ได้ช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว 260 คน โดยทั้งหมดถูกส่งกลับมายังฝั่งไทย และขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ได้ ส่งตัว 205 คน ไปยัง มณฑลทหารบกที่ 310 ค่ายวชิรปราการ อ.เมืองตาก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พันเอก ซาน เอ่า ยืนยันว่า จะปฏิบัติการกวาดล้างสถานประกอบการผิดกฎหมายให้หมดไปจากพื้นที่ DKBA หากพบว่ามีการกระทำผิด จะขับออกจากพื้นที่และช่วยเหลือเหยื่อทันที
อย่างไรก็ตาม DKBA ยังเปิดทางให้ธุรกิจที่ไม่ก่อปัญหายังคงดำเนินต่อไป เช่น บ่อนกาสิโนและงานบริการในโรงแรม โดยให้เหตุผลว่า ธุรกิจเหล่านี้สามารถช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของชาวกะเหรี่ยง ตราบใดที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติหรือการหลอกลวงประชาชน
จากสถานการณ์ล่าสุด การดำเนินมาตรการเชิงรุกของ DKBA สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์อาชญากรรมในพื้นที่ และสร้างเสถียรภาพให้แก่ชายแดนเมียนมา-ไทย ซึ่งคาดว่า การขับไล่กลุ่มจีนเทาและการจัดระเบียบธุรกิจในพื้นที่ DKBA จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออาชญากรรมออนไลน์ที่พัวพันกับเครือข่ายข้ามชาติ
ผู้สังเกตการณ์คาดว่า หลังจากเส้นตาย 28 กุมภาพันธ์นี้ สถานการณ์ในเมืองเมียวดีและพื้นที่ใกล้เคียงอาจเปลี่ยนไปอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านการควบคุมกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย และความร่วมมือระหว่าง DKBA กับทางการไทยในการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ
