เจ้าหน้าที่สนธิกำลังตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 1,251 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท คาดเป็นของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เตรียมย้ายฐานจากเมียวดีไปกัมพูชา หลังถูกกดดันหนัก
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ร่วมกับตำรวจ สภ.แม่ระมาด, กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 345 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ออกลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก ตามคำสั่งศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน

กระทั่งพบรถยนต์กระบะ โตโยต้า รีโว่ รุ่นจีอาร์สปอร์ต สีขาว ทะเบียนจังหวัดตาก บรรทุกกล่องสิ่งของมาเต็มคัน บริเวณเขตรอยต่อบ้านท่าล้อ-บ้านน้ำดิบบอนหวาน ต.แม่ระมาด อ.แม่ระมาด เจ้าหน้าที่จึงเรียกตรวจสอบ พบโทรศัพท์มือถือ 1,251 เครื่อง, ซิมโทรศัพท์ 274 อัน และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 19 ชุด รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
ผู้ขับขี่รถคือ นายอาทิตย์ อายุ 45 ปี พร้อมภรรยา ซึ่งเป็นชาว อ.แม่ระมาด ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้าง 5,000 บาท ให้ไปรับของที่ริมแม่น้ำเมย บ้านน้ำดิบบอนหวาน เพื่อนำไปส่งให้บุคคลชื่อ “เปาวลี” ที่ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว โดยทำมาแล้ว 1 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แต่ถูกจับกุมเสียก่อน

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่คาดว่าอุปกรณ์ทั้งหมดเป็นของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จาก จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ที่กำลังย้ายฐานปฏิบัติการไปฝั่งกัมพูชา เนื่องจากแรงกดดันจากมาตรการเข้มงวดของทางการไทย

พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ตาก เปิดเผยว่า การตรวจสอบและกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติต้องย้ายฐานออกไปจากพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา โดยขณะนี้พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลายกลุ่มเริ่มย้ายไปยังแนวชายแดนฝั่งกัมพูชา จ.สระแก้ว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาและของกลาง ส่งให้ พ.ต.ท.ณว์พรรณ์ เทียมฉันท์ สารวัตรสอบสวน สภ.แม่ระมาด ดำเนินคดี และขยายผลถึงขบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป.