22.1 C
Bangkok
12January,2025
Thailand One News
Home » “บิ๊กจ๋อ” เปิดเบื้องหลังล่าตัว “จ่าเอ็ม” ข้ามแดน ประสานกัมพูชารวบตัว ผู้ต้องหาขอคุ้มครอง หวั่นถูกประชาทัณฑ์
ข่าว อาชญากรรม

“บิ๊กจ๋อ” เปิดเบื้องหลังล่าตัว “จ่าเอ็ม” ข้ามแดน ประสานกัมพูชารวบตัว ผู้ต้องหาขอคุ้มครอง หวั่นถูกประชาทัณฑ์

“บิ๊กจ๋อ” เปิดเบื้องหลังล่าตัว “จ่าเอ็ม” ข้ามแดน ประสานกัมพูชารวบตัว ผู้ต้องหาขอคุ้มครอง หวั่นถูกประชาทัณฑ์

11 มกราคม 2568พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยเบื้องหลังปฏิบัติการไล่ล่าจับกุม นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ “จ่าเอ็ม” มือปืนยิงอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา ซึ่งหลบหนีข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

พล.ต.ต.ธีรเดช ระบุว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้ตำรวจนครบาลเป็นผู้รับผิดชอบคดี โดยมีการระดมกำลังนักสืบจากหลายหน่วยงาน ทั้ง สืบนครบาล, สืบ บก.น.1 และ สน.ชนะสงคราม ในการติดตามตัวคนร้าย

“จากการสืบสวนพบว่า คนร้ายใช้เส้นทางหลบหนีไปทางภาคตะวันออก และใช้กลวิธีที่แนบเนียนในการตบตาเจ้าหน้าที่ ทำให้เราพลาดเป้าไปเพียงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะข้ามแดนไปได้” พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าว

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถ ประสานความร่วมมือกับตำรวจและหน่วยข่าวกรองของกัมพูชา จนนำไปสู่การจับกุมตัวจ่าเอ็มภายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งปกติแล้ว การดำเนินการในต่างประเทศมักใช้เวลานานกว่านี้

จ่าเอ็มถูกจับกุมตัวได้ขณะนั่งรับประทานอาหาร โดยเป็นการดำเนินการของตำรวจประเทศกัมพูชา ก่อนจะส่งตัวกลับมายังประเทศไทย

“ตามกฎหมายของกัมพูชา คนร้ายต้องถูกดำเนินคดีฐานลักลอบเข้าเมือง แต่รัฐมนตรีมหาดไทยของกัมพูชาสามารถใช้อำนาจพิเศษในการผลักดันออกนอกประเทศได้ ซึ่งช่วยให้กระบวนการส่งตัวผู้ต้องหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว” พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าว

นอกจากนี้ รายงานระบุว่า จ่าเอ็มร้องขอให้เจ้าหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยเป็นพิเศษ เนื่องจากกังวลว่าอาจถูกประชาทัณฑ์หรือถูกทำร้ายระหว่างถูกควบคุมตัว โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินมาตรการดูแลตามที่ร้องขอ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จ่าเอ็มมีความกังวลว่าจะถูก “ตัดตอน” หรือไม่ พล.ต.ต.ธีรเดชตอบว่า “เขาแค่ร้องขอความปลอดภัย ส่วนจะกังวลเรื่องอื่นหรือไม่ เขายังไม่ได้พูดถึง”

ในส่วนของขบวนการที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้หมายจับของผู้ชี้เป้ายังอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยเบื้องต้นพบว่าคนชี้เป้าเป็นชาวต่างชาติ ส่วนผู้ลงมือเป็นคนไทย ทำให้ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศและต้องใช้กระบวนการทางการทูต

“เราต้องทำให้หมายจับกลายเป็น หมายแดงของตำรวจสากล (Interpol Red Notice) เพื่อให้สามารถติดตามตัวผู้เกี่ยวข้องต่อไป” พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าว

ทั้งนี้ การจับกุมในคดีมือปืนรับจ้างปกติอาจใช้เวลานาน 5-7 วัน แต่ครั้งนี้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้เร็วกว่าปกติ ถือเป็นความสำเร็จที่ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทางการกัมพูชา

“ต้องขอขอบคุณตำรวจและหน่วยข่าวกรองของกัมพูชา ที่ช่วยให้การจับกุมสำเร็จโดยเร็ว ซึ่งจะช่วยให้สามารถขยายผลไปถึงตัวการใหญ่ของขบวนการนี้ได้” พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวทิ้งท้าย

Translate »