จากกรณีที่กลุ่มตัวแทนจำหน่ายสินค้าบริษัทดิ ไอคอนกรุ๊ป จำนวนประมาณ 100 คน เข้ายื่นหนังสือขอถอนการแจ้งความดำเนินคดีต่อ 18 ผู้ต้องหาบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป และบอส 18 ราย ที่สำนักงานอัยการสูงสุด โดยอ้างว่าเข้าใจผิดและไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปนั้น ล่าสุดโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ออกมาชี้แจงว่า
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงข้อกฎหมายว่า คดีอาญามี 2 ประเภท คือ
- คดีอาญาที่ยอมความได้ หรือคดีที่เป็นความผิดส่วนตัว เช่น คดียักยอก ฉ้อโกง ที่ผู้เสียหายสามารถถอนคำร้องทุกข์ได้
- คดีอาญาที่เป็นความผิดต่อแผ่นดิน เช่น คดีลักทรัพย์ แชร์ลูกโซ่ ที่ไม่สามารถยอมความหรือถอนแจ้งความได้ เนื่องจากเป็นคดีที่กระทบต่อส่วนรวม
สำหรับคดีนี้เป็นคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับแชร์ลูกโซ่ ซึ่งถือเป็นความผิดที่กระทบต่อแผ่นดิน ดังนั้น การที่ตัวแทนจำหน่ายสินค้าได้ยื่นคำร้องขอถอนแจ้งความไม่ได้ทำให้คดีอาญาระงับลง เนื่องจากผลของคดีอาญาประเภทนี้จะต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงและการกระทำของผู้ต้องหาที่กระทบต่อสังคม
พ.ต.ต.วรณันยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หากบุคคลใดต้องการเปลี่ยนแปลงคำให้การในคดีอาญา พวกเขาจะต้องอธิบายเหตุผลที่ต้องการถอนคำร้องต่อพนักงานอัยการ และหากการให้ข้อมูลนั้นไม่ตรงกับความจริงอาจทำให้เกิดความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172 นอกจากนี้ หากผู้เสียหายตัดสินใจถอนคำร้องก็จะเสียสิทธิ์ในการขอคุ้มครองและชดใช้ความเสียหายจากทรัพย์สินที่ถูกยึดอายัด
ทั้งนี้ ดีเอสไอได้ส่งสำนวนคดีไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษแล้ว โดยการพิจารณาว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหาจะขึ้นอยู่กับการตัดสินของพนักงานอัยการภายในระยะเวลาฝากขังที่กำหนดระหว่างวันที่ 8-9 มกราคม 2568.