วันที่ 29 มีนาคม 2568 – เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ริกเตอร์ ที่บริเวณเมืองลอยกอ ใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 28 มีนาคม 2568 ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีความลึกประมาณ 10 กิโลเมตร สร้างความเสียหายอย่างหนักในประเทศเมียนมา และแรงสั่นสะเทือนยังแผ่ไปถึงหลายพื้นที่ในประเทศไทย รวมทั้งกรุงเทพมหานครและภาคเหนือ
การเกิดอาฟเตอร์ช็อก
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ ทาง กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่าในช่วง 24 ชั่วโมง หลังจากเกิดแผ่นดินไหว มี อาฟเตอร์ช็อก เกิดขึ้นรวม 98 ครั้ง โดยส่วนใหญ่มีขนาดเล็กลง ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า:
- แผ่นดินไหวขนาด 1.0-2.9 ริกเตอร์: 22 ครั้ง
- แผ่นดินไหวขนาด 3.0-3.9 ริกเตอร์: 42 ครั้ง
- แผ่นดินไหวขนาด 4.0-4.9 ริกเตอร์: 29 ครั้ง
- แผ่นดินไหวขนาด 5.0-5.9 ริกเตอร์: 4 ครั้ง
- แผ่นดินไหวขนาด 6.0-6.9 ริกเตอร์: 0 ครั้ง
- แผ่นดินไหวขนาด 7.0 ขึ้นไป: 1 ครั้ง
กรมอุตุนิยมวิทยายืนยันว่า อาฟเตอร์ช็อกจะลดลงและห่างกันขึ้นในอนาคต โดยไม่มีผลกระทบกับประเทศไทยแล้ว
ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวล่วงหน้า
ทาง กรมอุตุนิยมวิทยา ชี้แจงว่า ประเทศไทย ยังไม่มีระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวล่วงหน้า เนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวเกิดลึกมากหลายสิบกิโลเมตร ซึ่งยากที่จะคาดการณ์ล่วงหน้าได้ นอกจากนี้ ศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักวิทยาศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การวิจัยเกี่ยวกับการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวล่วงหน้ากำลังดำเนินการ โดยสามารถจับคลื่น P-wave ที่เกิดก่อน S-wave ได้ แต่จะให้เวลาเตือนเพียงไม่กี่วินาทีถึงไม่กี่นาทีเท่านั้น
เหตุการณ์อาคารถล่มในย่านจตุจักร
นอกจากนี้ ยังมีการรายงานเหตุการณ์ อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ในย่าน จตุจักร ที่กำลังก่อสร้างถล่มลงมา จากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ทีมช่วยเหลือได้เข้าไปค้นหาผู้ติดอยู่ใต้ซากอาคาร โดยพบ สัญญาณชีพ 15 ราย ขณะนี้กำลังดำเนินการกู้ภัยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ
สถานการณ์ในไทย
แม้ว่าแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวจะได้รับการรายงานในหลายพื้นที่ของประเทศไทย แต่โชคดีที่ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ นอกจากนี้ ทางการได้เตือนประชาชนให้ติดตามข้อมูลจากหน่วยงานราชการที่เชื่อถือได้ เพื่อความปลอดภัย
สรุป
แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ที่เกิดขึ้นในเมียนมา ส่งผลกระทบอย่างหนักทั้งในประเทศเมียนมาและประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่รับรู้แรงสั่นสะเทือนอย่างกรุงเทพฯ และภาคเหนือ ขณะเดียวกันการเกิดอาฟเตอร์ช็อกยังคงมีต่อเนื่อง แต่จะค่อยๆ ลดลงในอนาคต พร้อมทั้งยืนยันว่า ประเทศไทย ยังไม่มีระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวล่วงหน้าที่สามารถใช้งานได้จริง.
