วันที่ 3 มกราคม 2568 – นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงาน โดยมีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจและค่าครองชีพปัจจุบัน เพื่อให้ลูกจ้างมีรายได้เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิตและดูแลครอบครัว
โฆษกรัฐบาลระบุว่า รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายการปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมีการปรับเพิ่มขึ้นวันละ 7-55 บาท ทำให้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ระหว่าง 337-400 บาทต่อวัน โดยในเฟสแรก มีการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันในพื้นที่นำร่อง 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ส่วนจังหวัดอื่น ๆ จะมีการทยอยปรับขึ้นตามลำดับ
นอกจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำแล้ว รัฐบาลยังเดินหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้สูงอายุ โดยให้เงินช่วยเหลือ จำนวน 10,000 บาทต่อคน สำหรับประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” โดยการจ่ายเงินจะดำเนินการผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่เคยลงทะเบียนไว้ และจะเริ่มโอนเงินภายในเดือนมกราคม 2568 นี้ ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่าประชาชนจะได้รับเงินก่อนตรุษจีนอย่างแน่นอน
รัฐบาลเชื่อว่ามาตรการทั้งสองนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ลดภาระค่าครองชีพ และกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง