สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทยยังคงอยู่ในขั้นวิกฤติ หลายพื้นที่ค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในวงกว้าง ขณะเดียวกัน ยังคงพบการลักลอบจุดไฟเผาไร่อ้อยและซังข้าวในหลายพื้นที่ โดยส่วนใหญ่เกิดในช่วงกลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ
เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา มีรายงานเหตุเพลิงไหม้ซังข้าวในหมู่ที่ 3 ตำบลสำโรงชัย จังหวัดนครสวรรค์ โดยนายรัตนโชติ กอนผ่อง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ดังกล่าวได้ประสานองค์การบริหารส่วนตำบลสำโรงชัยเข้าระงับเหตุเพลิงไหม้ พร้อมเตรียมสอบสวนว่าเป็นการลักลอบเผาของเกษตรกรหรือไม่
ที่จังหวัดชัยภูมิ สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างรุนแรง โดยพบกลุ่มควันและเปลวไฟในหลายอำเภอ เช่น หนองบัวแดง ภักดีชุมพล และจัตุรัส ซึ่งเป็นพื้นที่ไร่อ้อย โดยชาวไร่ยังคงนิยมเผาอ้อยก่อนตัดส่งโรงงานเพื่อประหยัดเวลาและลดต้นทุน
ส่วนจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ไฟป่าที่ตำบลครบุรีใต้ อำเภอครบุรี เพื่อต่อสู้กับไฟป่าที่ลุกลามในพื้นที่ป่าภูลำไย ซึ่งเสียหายแล้วกว่า 1,500 ไร่ โดยการดับไฟต้องอาศัยทั้งกำลังคนและอากาศยาน เนื่องจากพื้นที่ลาดชันและอาจมีวัตถุระเบิดหลงเหลือจากการฝึกซ้อมทางทหาร
สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 รายงานว่า ค่าฝุ่น PM 2.5 ใน 4 จังหวัดภาคอีสานตอนล่างยังเกินมาตรฐาน โดยจังหวัดชัยภูมิมีค่าเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 73.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่นครราชสีมาพบจุดความร้อน (Hotspot) มากถึง 18 จุด
ด้านนายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา แนะนำประชาชนให้สวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะหน้ากาก N95 หากต้องออกนอกบ้าน และหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกอาคาร หากเป็นไปได้ ควรทำงานจากที่บ้านเพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพและมลพิษทางอากาศ
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ได้ย้ำเตือนประชาชนให้ปฏิบัติตามคำสั่งห้ามเผาในที่โล่งแจ้ง โดยผู้ฝ่าฝืนอาจมีโทษทั้งจำคุกและปรับเงิน อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหายังคงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตฝุ่น PM 2.5 นี้.