ครอบครัวผู้เสียชีวิตและประชาชนยังคงตั้งข้อสงสัย กรณีตำรวจวิสามัญนายอภิชัย ชมพู อายุ 26 ปี ขณะเข้าระงับเหตุภายในโรงพยาบาลสุรินทร์ หลังเกิดอาการคลุ้มคลั่งอาละวาด โดยมีคำถามถึงความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ หลังพบว่า กล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลเสีย และ คลิปจากกล้องบอดี้แคมของตำรวจยังไม่สามารถเปิดเผยได้
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2568 พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า คลิปจากกล้องบอดี้แคมของตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ยังไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ เนื่องจากถือเป็นวัตถุพยานที่อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการสอบสวน ซึ่งจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ได้เข้าร่วมประชุมกับ นายแพทย์ชวมัย สืบนุการณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ และบุคลากรที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงของคดี
ด้าน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ ชี้แจงว่า กล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการเปลี่ยนใหม่ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้เป็นข้อแก้ตัว แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยรายอื่นที่สามารถเป็นพยานได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้ง 3 สำนวนคดี ได้แก่
1. สำนวนชันสูตรพลิกศพ เพื่อพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิต
2. สำนวนคดีวิสามัญฆาตกรรม ซึ่งต้องมีการไต่สวนเพื่อพิจารณาว่าการใช้อาวุธปืนของตำรวจเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือไม่
3. สำนวนคดีผู้ต้องหา โดยตำรวจที่ยิงจะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาตามกฎหมาย
ขณะเดียวกัน บรรยากาศงานศพของ นายอภิชัย ชมพู เป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตยืนยันว่าจะเดินหน้าขอความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด พร้อมเรียกร้องให้ตำรวจเปิดเผยคลิปหลักฐานจากกล้องบอดี้แคมเพื่อให้เกิดความกระจ่างต่อสังคม
เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นที่จับตามองของประชาชนและสังคม เนื่องจากมีประเด็นที่ยังไม่ได้รับคำตอบชัดเจน ได้แก่
• เหตุใดกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลจึงไม่สามารถใช้งานได้ในช่วงเกิดเหตุ
• กระบวนการเปิดเผยคลิปจากกล้องบอดี้แคมของตำรวจต้องใช้เวลานานแค่ไหน
• การใช้อาวุธปืนของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามหลักการสากลของการระงับเหตุหรือไม่
ขณะนี้การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป โดยทุกฝ่ายต้องรอผลการตรวจสอบและพยานหลักฐานที่จะถูกเปิดเผยในกระบวนการยุติธรรมต่อไป