วันที่ 14 มกราคม 2568 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้แจ้งความดำเนินคดีกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ “เอก สายไหมต้องรอด” พร้อมพวก ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หลังกล่าวหาว่ามี “เทวดา” ภายในหน่วยงานรัฐ รวมถึงดีเอสไอ ให้ความคุ้มครอง บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด เพื่อมิให้ถูกดำเนินคดี
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 นายเอกภพ พร้อมด้วย นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้เดินทางไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ และให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน ระบุว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2564 – 2565 มีบุคคลที่ถูกเรียกว่า “เทวดา” ในหลายหน่วยงานของรัฐ ซึ่งรวมถึง ดีเอสไอ คอยให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองบริษัทดิไอคอน กรุ๊ปฯ ทำให้บริษัทดังกล่าวไม่ได้ถูกดำเนินคดี แม้จะมีการกระทำความผิดตามกฎหมาย
เนื่องจากข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจ และอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ดีเอสไอจึงได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
จากการตรวจสอบ ดีเอสไอพบว่า ข้อกล่าวหาของนายเอกภพและพวกไม่มีพยานหลักฐานอ้างอิง แต่กลับนำเสนอในลักษณะที่ทำให้ประชาชนทั่วไปหลงเชื่อและเข้าใจผิดว่า ดีเอสไอให้การช่วยเหลือ หรืออำนวยความสะดวกให้กับบริษัทดิไอคอน กรุ๊ปฯ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีพิเศษเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่
ดีเอสไอมองว่าการแถลงข้อมูลที่ไม่มีมูลความจริงนี้ ส่งผลให้หน่วยงานได้รับความเสียหาย และอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ จึงได้ตัดสินใจ แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ทั้งนี้ ดีเอสไอยืนยันว่า การกระทำของนายเอกภพและพวก ไม่ได้มีเจตนาที่จะให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนด้วยความสุจริต และเป็นการใส่ความหน่วยงานของรัฐโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุน
คดีนี้ยังคงเป็นที่จับตาของสังคม เนื่องจากเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาต่อหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายโดยตรง และอาจมีผลต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย
